ถ้วยบอลยูโร คือ ยูโรคัพ หรือที่เรียกว่ายูฟ่ายูโรเปี้ยนแชมเปียนชิพ เป็นการแข่งขันฟุตบอลสี่ปีที่จัดขึ้นระหว่างทีมชาติต่างๆ ของยุโรป จัดโดยสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) และถือเป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก รองจากฟุตบอลโลกเท่านั้น การแข่งขันประกอบด้วย 24 ทีมและเล่นในระยะเวลาหนึ่งเดือน โดยรอบชิงชนะเลิศเป็นการแข่งขันกีฬาประจำปีที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก
ถ้วยบอลยูโร คือ UEFA Europa League
จุดเริ่มต้นนั้น ยูฟ่ายูโรปาลีก มีชื่อเดิมคือ ยูฟ่าคัพ โดยจะเป็นการแข่งของบรรดาทีมต่างๆ จากลีกในทวีปยุโรป จัดการแข่งขัน ยูฟ่ายูโรปาลีก โดยสมาคมฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า เริ่อมแข่งขันครั้งแรกเมื่อ 18 เมษายน ค.ศ. 1955 และมีชื่อครั้งแรกว่า Inter-Cities Fairs Cup ถือว่าเป็นถ้วยสำคัญอันดับ 2 ของทวีปยุโรป โดยเป็นรองจาก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
การคดเลือกนั้น เหล่าบรรดาทีมฟุตบอลจากลีกต่างที่จะไปแข่งในรายการ ยูฟ่ายูโรปาลีก คือที่ได้อันดับรอง ๆ ในฟุตบอลลีกของตนเอง บอลที่ได้อันดับดีกว่าจะไปแข่ง ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เมื่อ ค.ศ. 1999 รายการ ยูฟ่ายูโรปาลีก ได้รวมกับคัพวินเนอร์สคัพ ทำให้ทีมฟุตบอลต่างๆ ที่อยู่ในทวีปยุโรป ถึงแม้จะไม่ใช่ทีมที่ได้อันดับรองๆ ในแต่ละลีก แต่ถ้าชนะการแข่งขันฟุตบอลถ้วยอื่นๆ ในประเทศ ก็สามารถเข้าร่วม ยูฟ่ายูโรปาลีกได้เช่นกัน โดยตั้งแต่ฤดูกาล 2009-2010 ได้เปลี่ยนมาใช้การแข่งขันรูปแบบเดียวกันกับ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก จนทำให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้น และสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
ฟุตบอลยูโรคืออะไรนะ
สำหรับคนที่ติดตามอยู่แล้วคงจะพอเข้าใจ แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่คอบอลเดนตายก็อาจจะงงๆ กันบ้างว่าฟุตบอลรายการนี้มันคืออะไรกันแน่ ใครแข่งกับใคร แข่งที่ไหน เล่นกันทำไม ฟุตบอลยูโร หรือชื่อเต็มๆ ว่าฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (UEFA European Football Championship) คือการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ระดับทวีปที่ดำเนินการแข่งขันโดยสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เพื่อหาชาติที่จะได้รับการยกย่องว่านี่แหละคือ ‘เบอร์หนึ่ง’ ของทวีป การแข่งขันฟุตบอลยูโรนั้นจะมีขึ้นทุก 4 ปีด้วยกัน โดยจุดเริ่มต้นมาจากไอเดียของ อองรี เดอโลเนย์ เลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (FFF) ที่อยากเห็นชาติต่างๆ ในทวีปยุโรปมาร่วมชิงชัยกันสนุกๆ ซึ่งน่าเสียดายที่กว่าไอเดียนี้จะเป็นความจริงได้เดอโลเนย์ก็เสียชีวิตไปแล้ว (เสียชีวิตในปี 1955) เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่บิดาแห่งฟุตบอลยูโร ทางด้านยูฟ่าจึงตั้งชื่อถ้วยการแข่งขันว่า ‘อองรี เดอโลเนย์’ และยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้ ‘ยูโร’ หนแรกนั้นเริ่มต้นในปี 1960 ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 17 ทีม ก่อนจะคัดเหลือ 4 ทีมที่เดินทางมาแข่งขันรอบสุดท้าย และชาติที่ได้เป็นแชมป์หนแรกคือสหภาพโซเวียตที่เอาชนะยูโกสลาเวียได้ 2-0 หลังจากนั้นก็แข่งขันต่อเนื่องทุก 4 ปีมาถึงปัจจุบัน และเพิ่มจำนวนทีมมากขึ้นเรื่อยๆ จาก 4 เป็น 8 ทีมในฟุตบอลยูโรปี 1980 ที่ประเทศอิตาลี และเป็น 16 ทีมในฟุตบอลยูโร 1996 ที่ประเทศอังกฤษ ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 24 ทีมในฟุตบอลยูโร 2020 ครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งพิเศษที่ยูฟ่าตั้งใจที่จะฉลองครบรอบ 60 ปีของการแข่งขันด้วยไอเดียพิเศษ คือแทนที่จะเลือกประเทศเจ้าภาพแค่ชาติเดียวหรือเจ้าภาพร่วม 2 ชาติแบบที่เคยทำมาก็เปลี่ยนเป็นการแข่งทั่วทวีปยุโรปแทน (Pan-European)
ทำเนียบแชมป์ ยูโร มีดังนี้
- ปี 1960 สหภาพโซเวียต
- ปี 1964 สเปน
- ปี 1968 อิตาลี
- ปี 1972 เยอรมันตะวันตก
- ปี 1976 เชโกสโลวะเกีย
- ปี 1980 เยอรมันตะวันตก
- ปี 1984 ฝรั่งเศส
- ปี 1988 ฮอลแลนด์
- ปี 1992 เดนมาร์ก
- ปี 1996 เยอรมนี
- ปี 2000 ฝรั่งเศส
- ปี 2004 กรีซ
- ปี 2008 สเปน
- ปี 2012 สเปน
- ปี 2016 โปรตุเกส
สำหรับการแบ่งกลุ่มการแข่งขันในครั้งนี้ มี 6 กลุ่ม ประกอบไปด้วย
จาก 6 ทีมแบ่งออกมาเป็นทั้งหมด 24 ทีมฟุตบอล หรือเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนชาติสมาชิกของยูฟ่า (จากทั้งหมด 55 ชาติ) โดยทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายมีดังนี้
- กลุ่ม A : ได้แก่ อิตาลี (เจ้าภาพ) / ตุรกี / เวลส์ / สวิตเซอร์แลนด์
- กลุ่ม B : ได้แก่ เดนมาร์ก (เจ้าภาพ)/ รัสเซีย (เจ้าภาพ) / ฟินแลนด์ / เบลเยียม
- กลุ่ม C : ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ (เจ้าภาพ) / ยูเครน / ออสเตรีย / มาซิโดเนียเหนือ
- กลุ่ม D : ได้แก่ อังกฤษ (เจ้าภาพ) / สกอตแลนด์ (เจ้าภาพ) / โครเอเชีย / สาธารณรัฐเช็ก
- กลุ่ม E : ได้แก่ สเปน (เจ้าภาพ) / สวีเดน / โปแลนด์ / สโลวาเกีย
- กลุ่ม F : ได้แก่ ฮังการี (เจ้าภาพ) / เยอรมัน (เจ้าภาพ) / โปรตุเกส/ ฝรั่งเศส
โดยเกณฑ์ที่ใช้สำหรับการตัดสินว่าจะได้ลงเล่นในบ้านต่อหน้าแฟนตัวเองครบทั้ง 3 นัดหรือไม่ดูจากผลงานในรอบคัดเลือกเป็นหลัก ซึ่งมีกลุ่ม B ที่ทั้งรัสเซียและเดนมาร์กผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ทั้งคู่จึงใช้วิธีการจับสลากว่าชาติใดจะได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเองครบทั้ง 3 นัด ปรากฏว่าเป็นเดนมาร์กที่ดวงดีกว่าได้สิทธิ์นั้นไป
สรุป
กีฬาฟุตบอลที่เห็นเล่นกันอยู่ทุกวันนี้ จริงแล้ว มีการเล่นแข่งขันกันมาเนิ่นนานแล้ว มีจัดการแข่งขันชิงแชมป์ ชิงถ้วยรางวัลของรายการต่าง ๆ อยู่มากมาย มีทั้งถ้วยที่เล็ก และถ้วยที่ใหญ่ ในปัจจุบันนี้รายการแข่งขันของฟุตบอล ที่จะมีทีมแต่ล่ะประเทศมาเข้าร่วมเแข่งขันกัน ก็จะมีอยู่ไม่กี่รายการใหญ่ ๆ ที่ผู้คนทั่วทุกมุมโลกต่างให้ความสนใจกัน และน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าฟุตบอลโลกเลย ก็คือ ฟุตบอลยูโร นั้นเอง รู้ถึงประวัติ และความเป็นมาของฟุตบอลยูโรเป็นอย่างไรกันบ้าง
บทความที่เกี่ยวข้อง
- วิธีแทงบอลออนไลน์ เหมือนมืออาชีพ สอนแทงบอล ยังไงให้เป็นเร็ว แทงบอลออนไลน์ 2023
- ตรวจสลิปผลบอลขั้นตอนตรวจสลิปผลบอลจากการลงทุนแทงบอลออนไลน์ สำหรับแอปพลิเคชันนี้
- บ้านผลบอล โปรแกรม บอล พรีเมียร์ ลีก ถ่ายทอด สด สถิติการแข่งขันฟุตบอล วิเคราะห์ฟุตบอล ราคาต่อรอง ราคาบอล
- เว็บหวยฮานอยพิเศษ สุดยอดเว็บแทงหวยออนไลน์อย่าง HENG99 ฝาก – ถอน ขั้นต่ำเริ่มต้น 1 บาท สมัครซื้อหวย กด !
- Phoenix Rises เกมสล็อต เกมยอดฮิต เล่นง่าย มือใหม่ก็เล่ยได้ ถอนได้ไม่อั้น-heng99casino